Learning Contract ข้อตกลงระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน
“Education is a lifelong process of continuing inquiry and the
development of skills needed for self-directed inquiry.”
ในปัจจุบัน
ระบบการศึกษาที่ผู้สอนเน้นการป้อนความรู้ให้แก่ผู้เรียนโดยนักเรียนมีส่วนร่วมในขบวนการจัดการเรียนการสอนน้อยอาจไม่ค่อยเหมาะสมนักสำหรับการศึกษาแบบผู้ใหญ่
ซึ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียนมากขึ้นและผู้เรียนเองสามารถกำหนดวิธีการเรียน
และเนื้อหาที่ต้องการจะเรียนรู้ได้
พร้อมทั้งขบวนการเรียนรู้นั้นสามารถเกิดขึ้นตลอดชีวิต จากหลักการและเหตุผลดังกล่าว Malcolm Knowles จึงได้บัญญัติศัพท์เพื่อให้สอดคล้องกับวิธีการเรียนแบบผู้ใหญ่ขึ้นมา
คือ Andragogy or Adult
Learning ในปี 1968 โดยในการจัดการเรียนการสอนดังกล่าว จะมีการกำหนดข้อตกลงระหว่างผู้เรียนและผู้สอนเพื่อหาวิธีการเรียนที่เหมาะสมและสะดวกแก่ผู้จัดการสอนให้ตอบสนองต่อวิธีการเรียนรู้ของผู้เรียน
อีกทั้งการศึกษาแบบผู้ใหญ่มักจะจัดสรรวิธีการให้สามารถมีเวลาค้นคว้าด้วยตัวเองเป็นส่วนมาก
(Self directed learning) นักการศึกษาจึงได้มีการบัญญัติศัพท์คำหนึ่งขึ้นมา
เพื่อให้มองรูปธรรมของการเรียนแบบผู้ใหญ่ได้ชัดเจนขึ้น คือ
ข้อตกลงระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน (Learning contracts)
The concept of contract learning
"Contract learning is, in essence, an alternative way of
structuring a learning experience: It replaces a content plan with a process
plan." Malcolm S Knowles (1991, p.39).
Learning contract ได้ถูกนิยามไว้ว่า หมายถึง ข้อตกลงระหว่างผู้เรียน
(หรือกลุ่มผู้เรียน) กับผู้สอน (หรือทีมผู้สอน) ในฐานะตัวแทนของสถานศึกษา
เกี่ยวกับกระบวนการที่ทำให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ
หรือแม้กระทั่งเจตคติเพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ไม่ว่าการเรียนรู้ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในห้องเรียนหรือจะเป็นการเรียนอย่างอิสระ
แต่อาจมีคำอื่นๆปรากฏให้เห็นได้ เนื่องจากนักการศึกษาหลายท่านเห็นว่า คำว่า Contract มักมีความหมายไปในทางสัญญาทางกฎหมายมากกว่า
คำอื่นๆ ที่มีใช้ให้เห็น อาทิเช่น
Learning plan
Learning commitment
Study plan
Learning agreement
Self-development plan
Purposes of Learning Contracts
การมีข้อตกลงร่วมกันระว่างนักเรียนและผู้สอน
เป็นไปเพื่อ
1.เพื่อทำให้หลักสูตรมีความสมบูรณ์พร้อม
2.เป็นการเพิ่มทักษะด้านการเรียนรู้ของนักเรียน
3.เพิ่มความหลากหลายของกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนตามความถนัด
ความสามารถในการเรียนรู้และ ความสนใจในรูปแบบการเรียนของผู้เรียน
Learning contract เป็นหนทางที่จะพัฒนาผู้เรียนของตนจากนักเรียนนักศึกษาที่ passive ให้กลายเป็น self-directed learner ที่มีคุณภาพ เพื่อให้เป็น life-long learner ในอนาคต
What does it concern about?
อาจมีคำถามว่า
แล้วข้อตกลงระหว่างผู้เรียนและผู้สอนมักคำนึงถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ
คงต้องอธิบายต่อว่า เน้นความสำคัญเพื่อการประเมินการเรียนการสอน
ในขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นแก่ผู้เรียนว่า
ทั้งอาจารย์ผู้สอนและนักเรียนมีความเข้าใจตรงกันว่า งานที่ส่ง วิธีการประเมิน
ต้องสอดคล้องและบรรลุตามวัตถุประสงค์หรือข้อกำหนดของหลักสูตรด้วย
Type of learning contracts
1.Fully self directed: นักเรียนจะร่างข้อตกลงขึ้นมาก่อนแล้วค่อยขอความเห็นจากอาจารย์ผู้สอนว่าสมควรหรือไม่
2.Prescribed: จุดประสงค์และกฎเกณฑ์การประเมินการเรียนการสอนจะถูกร่างขึ้นมาก่อนแล้วตามข้อกำหนดของหลักสูตร
How to develop a learning contract?
Knowles (1986) ได้เสนอแนะว่า learning
contract ควรมีองค์ประกอบดังนี้:
1. ความรู้
ทักษะ หรือเจตคติ ที่ผู้เรียนต้องการจะพัฒนาให้เกิดขึ้น
ถือเป็นวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ในครั้งนี้ (จะเรียนรู้เรื่องอะไร?) (The knowledge, skills, attitudes, and
values) หรือ วัตถุประสงค์การเรียนรู้
(learning objectives);
2. วิธีการ
แนวทาง หรือทรัพยากรสนับสนุนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (จะเรียนรู้อย่างไร?) (Learning resources and strategies);
3. เงื่อนเวลาในการดำเนินการสำเร็จในแต่ละขั้นตอน
(เมื่อไรจึงจะดำเนินการแล้วเสร็จ?);
4. หลักฐานเพื่อแสดงว่าได้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แล้ว
(ทำอย่างไรจึงจะทราบว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว?)
5. แนวทาง
หรือวิธีการที่จะใช้ในการประเมินผลกระบวนการเรียนรู้ทั้งหมด
(จะใช้หลักการอย่างไรในการให้ผ่าน ไม่ผ่านหรือตัดเกรด?)
หรือหากจะแบ่งข้อกำหนดในข้อตกลงระหว่างผู้เรียนและผู้สอนให้ชัดอาจแบ่งเป็นส่วนๆได้แบ่งดังนี้
1.อะไรคือสิ่งที่ผู้เรียนควรจะได้เรียน
2.ขบวนการเรียนรู้จะสำเร็จได้อย่างไร
3.ขบวนการเรียนรู้จะได้รับการประเมินอย่างไร
นิยามหรือคำอธิบายแนวคิด (Concept) ของการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง
การเรียนรู้ด้วยการนำตนเองเป็นแนวคิดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียน
ผู้สอน และสถานศึกษา
จำเป็นต้องมีความเข้าใจร่วมกันเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดบรรยากาศ
และสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละบุคคล
Knowles (1980) ได้กล่าวถึงการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง ว่าเป็นลักษณะของการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละสถานการณ์
ซึ่งผู้เรียนเป็นผู้คิดริเริ่มวินิจฉัยความต้องการการเรียนรู้ของตน
ระบุวัตถุประสงค์และกำหนดแผนการเรียนรู้ รวมทั้งประเมินผลการเรียนรู้นั้นด้วยตนเอง
ทั้งนี้อาจอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่นหรือไม่ก็ได้กระบวนการการเรียนรู้ด้วยตนเองสามารถเริ่มต้นด้วยการใช้การสร้างกลุ่มเพื่อช่วยให้เกิดการผลักดันสู่ความต้องการ
และอาจใช้เพื่อนร่วมกลุ่มเป็นผู้อำนวยความสะดวกก็ได้
รวมทั้งมีการสร้างแรงจูงใจจากการที่บุคคลต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายและจำเป็นต้องใช้การเรียนรู้ใหม่
ทักษะใหม่เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามในการเริ่มต้นการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองนี้
อาจมีการต่อต้านจากผู้เรียนบ้างในระยะเริ่มต้นบ้างจนกว่าผู้เรียนจะได้รับความสำเร็จจากการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองดังกล่าวนอกจากนั้น Knowles (1975) ยังชี้ให้เห็นว่าการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองเป็นกระบวนการเรียนรู้ซึ่งมีบรรยากาศของผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้
โดยผู้สอนแสดงบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวกมากกว่าทำการสอนโดยตรงเพียงลักษณะเดียว
และในแนวคิดดังกล่าวนี้ผู้เรียนเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการวางแผนการเรียนรู้ของตน
การลงมือปฏิบัติเพื่อการเรียนรู้ของตนเองและการประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง
สำหรับผู้สอนต้องมีบทบาทช่วยสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
และช่วยออกแบบทรัพยากรการเรียนรู้ต่างๆที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
Oddi (1987), Kasworm (1983) และ Wallace (1980) ได้ให้ความสำคัญของผู้เรียนโดยเฉพาะบุคลิกภาพและความคิดเห็นของผู้เรียนแต่ละบุคคล
ว่าเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อการคิดริเริ่มเพื่อการเรียนรู้
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จต่อการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
และสอดคล้องกับแนวคิดของ Brockett and
Hiemstra (1991) ที่ได้เสนอว่าการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองขึ้นกับองค์ประกอบหลัก 2 ประการ คือ
ลักษณะบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลและวิธีการในกระบวนการเรียนการสอน โดย Brockett (1983) เสนอลักษณะบุคลิกภาพของผู้เรียนที่มีผลต่อการเรียนรู้นั้นต้องเกิดขึ้นจากการสร้างแรงจูงใจ
การรับรู้ และภาวะทางอารมณ์ของบุคคลดังกล่าว
นอกจากนี้ Houle (1980) ได้นำเสนอรูปแบบกระบวนการในการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง 3 รูปแบบ คือ 1.) การเรียนรู้ผ่านบทเรียนการเรียนรู้ 2.) การเรียนรู้ผ่านแหล่งข้อมูล และ 3.) การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ และBrookfield (1981) พบว่าผู้เรียนและกลุ่มมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเรียนรู้ผ่านบทเรียน
ส่วนการเรียนรู้ผ่านแหล่งข้อมูลสัมพันธ์กับบุคคล
และการเรียนรู้จากประสบการณ์สัมพันธ์กับกลุ่ม
สรุปได้ว่า
การเรียนรู้ด้วยการนำตนเองคือกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนรับผิดชอบการเรียนรู้ของตน
โดยการกำหนดความต้องการและวัตถุประสงค์การเรียนรู้
รวมทั้งการออกแบบประสบการณ์และทรัพยากรที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของตนตลอดจนการประเมินผลด้วยตนเอง
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องสำหรับการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง
การเรียนรู้ด้วยการนำตนเองประกอบด้วยปัจจัย 3 ประการ คือ
1. ผู้เรียน
(Learners)
ผู้เรียนต้องแสดงบทบาทของการชี้นำการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ตั้งแต่การกำหนดความต้องการ การเรียนรู้ การออกแบบแผนการเรียนรู้
การกำหนดทรัพยากรการเรียนรู้ และการกำหนดวิธีการวัดและประเมินผล
2. ผู้สอน (Instructor)
ผู้สอนต้องแสดงบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก
เป็นผู้สร้างบรรยากาศเอื้อต่อการเรียนรู้ ออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
และเป็นผู้กระตุ้นเสริมแรงให้เกิดการเรียนรู้ในตัวผู้เรียนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
3. แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ต่างๆ
(Learning Resources)
ทรัพยากรการเรียนรู้หรือแหล่งการเรียนรู้นี้
รวมทั้งสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่สนองตอบต่อความต้องการการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ
ผู้เรียนการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองควรเริ่มต้นด้วยการที่ผู้เรียนได้รับบรรยากาศสำหรับการแสวงหาคำตอบร่วมกันระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน
และการร่วมกันแสวงหาคำตอบระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน (Mutual Inquiry) นอกจากนี้ผู้เรียนควรมีโอกาสวินิจฉัยความต้องการการเรียนรู้ของตนเอง
ซึ่งนับว่าเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญยิ่งในการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนอย่างแท้จริง
เมื่อผู้เรียนได้ตระหนักถึงความต้องการการเรียนรู้ที่แท้จริงของตนแล้ว
ผู้เรียนและผู้สอนต้องร่วมมือกันสร้างและออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนดังการ
สอดคล้องกับแนวทางของการศึกษาที่เรียกว่า Andragogy ซึ่งหมายถึง ศิลป์และศาสตร์ของการช่วยเหลือผู้ใหญ่ให้เกิดการเรียนรู้( http://en.wikipedia.org/wiki/Andragogy)
แนวทางการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับการนำตนเองคือการใช้
สัญญาการเรียนรู้ (Learning Contract) หมายถึงข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน
เพื่อการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่ง การใช้สัญญาการเรียนรู้จึงเป็นการวางแผนการเรียนรู้ร่วมกันโดยประกอบด้วย
วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ วิธีการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
หลักฐานแห่งความสำเร็จ เกณฑ์และวิธีการประเมินผล และวันเดือนปีที่คาดว่าจะสำเร็จ
ผู้สอน
ผู้สอนต้องเริ่มต้นการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองด้วยการสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้
บรรยากาศอบอุ่น บรรยากาศแห่งการเคารพซึ่งกันและกัน บรรยากาศของการนำไปสู่การสนทนา
บรรยากาศที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจบทบาทการเรียนรู้ของตนเองได้อย่างชัดเจน
และบรรยากาศของการไว้วางใจซึ่งกันและกันดังนั้นบทบาทและวิธีการเรียนการสอน จึงต้องนำไปสู่บรรยากาศแห่งการเรียนรู้
บทบาทของผู้สอนจึงต้องเปลี่ยนแปลงจากผู้ถ่ายทอดความรู้
สู่ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้หรือเพื่อนร่วมทางการเรียนรู้ร่วมกัน
พิจารณาเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ต่างๆ
ทรัพยากรการเรียนรู้หรือแหล่งการเรียนรู้เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยการชี้นำตนเองผู้เรียนสามารถเข้าถึง
แหล่งข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ และประสบการณ์ที่สนับสนุนได้อย่างทั่วถึง โดยผู้สอน
ส่งเสริมให้ผู้เรียนใฝ่เรียนใฝ่รู้ แสวงหาความรู้ และเรียนรู้ด้วยตนเองตามอัธยาศัยอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
สอดคล้องกับความต้องการของตน ของแหล่งการเรียนรู้ตามนัยของมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
จะพบว่าแหล่งการเรียนรู้ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์
สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์กีฬาและนันทนาการ
เป็นต้น
สรุปแนวคิดการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง
การเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง คือ
กระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนรับผิดชอบการเรียนรู้ของตน โดยการกำหนดความต้องการและวัตถุประสงค์การเรียนรู้
รวมทั้งการออกแบบประสบการณ์และทรัพยากรที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของตน
ตลอดจนการประเมินผลด้วยตนเอง โดยผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก
หรือเพื่อนร่วมทางการเรียนรู้ (Facilitators) กับผู้เรียน
มากกว่าที่จะเป็นครูผู้สอนความรู้โดยตรง
โดยมีบรรยากาศของการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง
ที่มา : http://wiki.edu.chula.ac.th, http://www.fmkkh.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น