Mentoring ระบบพี่เลี้ยงในการจัดการความรู้
ระบบพี่เลี้ยงเป็นระบบที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานที่มีประสบการณ์มากกว่ากับพนักงานที่มีประสบการณ์น้อย
โดยพี่เลี้ยงหรือผู้ที่มีประสบการณ์สูงจะทำหน้าที่ในการคำปรึกษา แนะนำ ผู้สอนงาน
และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในการทำงานให้กับพนักงานที่อ่อนประสบการณ์
ระบบพี่เลี้ยงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของการจัดการความรู้ในแง่ของการถ่ายทอดความรู้ระหว่างผู้ที่ประสบการณ์มากกว่าและเพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์น้อยกว่า
เพื่อให้แน่ใจได้ว่า ความรู้ยังคงอยู่ในองค์กรตลอดเวลา
และเป็นการดักจับความรู้ก่อนที่จะสูญหายหรือออกไปเป็นผู้แข่งขัน เนื่องจาก
วิธีการถ่ายทอดความรู้ที่ดีที่สุด ก็คือ การที่บุคคลได้พูดคุยกับอีกคนหนึ่ง
ดังนั้น การพูดคุยในระบบพี่เลี้ยง แท้จริงแล้ว ก็คือ
การติดต่อสื่อสารระหว่างเพื่อนร่วมงานที่ประสบการณ์มากกว่าอีกคนหนึ่งนั่นเอง
การถ่ายทอดความรู้จำนวนมากจึงเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับองค์กรในปัจจุบัน
ที่จะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพนักงาน
การให้ความรู้ลื่นไหลไปยังทั่วทั้งองค์กร
ซึ่งจะนำไปสู่ความอยู่รอดขององค์กรและธุรกิจ
ระบบพี่เลี้ยงได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงและนิยมใช้กันมากในหลายๆ
ปีที่ผ่านมา เป็นช่องทางที่ดีสำหรับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์กร เนื่องจากระบบพี่เลี้ยงเป็นรูปแบบหนึ่งของการแลกเปลี่ยนความรู้
ที่มีจุดประสงค์พื้นฐานในการสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการระหว่างพี่เลี้ยง (Mentor) กับพนักงานที่ถูกสอนงาน
การทำหน้าที่พี่เลี้ยง
อาจเริ่มตั้งแต่ การทำหน้าที่พี่เลี้ยงของพนักงานใหม่
เพื่อให้พนักงานใหม่สามารถปรับตัวเข้ากับองค์กร
เพื่อนร่วมงานและสภาพแวดล้อมการทำงาน ไม่เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว
หรือเข้ากันไม่ได้กับเพื่อนร่วมงาน เป็นการป้องกันการลาออกจากองค์กร ให้พนักงานใหม่มีความรู้ ความเข้าใจในวัฒนธรรมองค์กร
ลักษณะการทำงาน และนำไปสู่การมีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร
การทำหน้าที่ให้กับพนักงานที่ถูกสอนงานจะเป็นการสร้างกลุ่มคนที่มีความสามารถ
มีศักยภาพได้เร็วกว่าพนักงานปกติ
เป็นการจูงใจพนักงานที่มีผลการปฏิบัติงานดีและมีศักยภาพในการทำงานสูงให้คงอยู่กับหน่วยงาน
เป็นการกระตุ้นให้พนักงานสร้างผลงานมากขึ้น พร้อมที่จะทำงานหนักและท้าทายมากขึ้น
เป็นการสร้างบรรยากาศของการนำเสนอผลงานใหม่ๆ หรือความคิดนอกกรอบมากขึ้น
ซึ่งการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับพนักงานที่ถูกสอนงานหรือลูกน้อง
ขึ้นอยู่กับผลการปฏิบัติงานของลูกน้อง ถ้าลูกน้องมีผลการปฏิบัติงานที่สูงกว่ามาตรฐาน
หัวหน้าจะรับบทบาทการเป็นพี่เลี้ยง (Mentoring) หากลูกน้องมีผลการปฏิบัติงานตรงตามมาตรฐาน
หัวหน้างาน จะรับบทบาทเป็นผู้สอนงาน (Coaching) และหากลูกน้องมีผลการปฏิบัติงานต่ำกว่ามาตรฐาน
หัวหน้างานจะรับบทบาทเป็นผู้ให้คำปรึกษา (Counsleing)
บทบาทและความรับผิดชอบของพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
ลงทะเบียนเป็นผู้รับการสอนงาน
เรียนรู้และทักษะจากพี่เลี้ยง
เสาะหาและพัฒนาทักษะใหม่และความสามารถที่ต้องการมีในอนาคต
มีความรับผิดชอบในการพัฒนาตนเอง
มีการริเริ่มในการบริหารความสัมพันธ์
รักษาความลับ
เป็นผู้รับและมีการตอบสนองด้วยความคิดใหม่
ฟังและซักถาม
มีเครือข่ายภายในและภายนอกองค์กร
มีการสื่อสารอย่างเปิดเผยและซื่อสัตย์
มีการแลกเปลี่ยน ความคิดและสิ่งอื่นๆตามความเหมาะสม
เข้าร่วมการพัฒนาอย่างเป็นทางการ
ทำงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามความสามารถของตนเอง
แนะนำความคิดใหม่ๆให้กับพี่เลี้ยง
เคารพความแตกต่าง
ทำงานตามวัตถุประสงค์ที่ถูกตั้งโดยพี่เลี้ยง
บทบาทและความรับผิดชอบของพี่เลี้ยง
สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและเคารพให้กับพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
รักษาความลับ
ดูแลพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
ดูแลเสมือนเป็นทรัพยากรอันมีค่า
สอนกลยุทธ์ ค่านิยม วิสัยทัศน์
และวัฒนธรรมองค์กรเป็นอันดับแรก
ยอมรับความสัมพันธ์ในระยะยาว
ปฏิบัติในฐานะที่เป็นเสียงของกรรมการและช่วยพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
ในการชี้นำและเข้าถึงวัตถุประสงค์ที่จะสามารถไปถึงได้
ลงทุนในเรื่องเวลาและพลังงานในการพัฒนาอย่างเข้มแข็งและความสัมพันธ์กับพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทักษะ ความรู้ กลยุทธ์
และบทเรียนที่เหมาะสม
ส่งเสริมให้มีวิจารณญาณ มุมมอง และการตอบสนองที่สร้างสรรค์ต่อพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
เผชิญหน้ากับพฤติกรรมและทัศนคติในทางลบ
ส่งเสริมให้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อวัฒนธรรมองค์กร
เป็นต้นแบบที่ดีและสอนด้วยตัวอย่าง
ให้คำแนะนำ ความช่วยเหลือ
เมื่อถูกร้องขอจากพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน ตามความเหมาะสม
สนับสนุนและให้คำแนะนำอย่างฉลาดตามความเหมาะสม
เคารพความแตกต่างของแต่ละบุคคล
เสนอให้พนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
ได้รับการพัฒนาความเป็นมืออาชีพ
เข้าร่วมการพัฒนาบุคลากร
บทบาทและความรับผิดชอบขององค์กร
ในหลายๆองค์กร ระบบพี่เลี้ยงมักจะล้มเหลว
เพราะองค์กรขาดการส่งเสริม
เป็นหน้าที่ขององค์กรที่จะให้มีจัดกระบวนการของการรับสมัครพี่เลี้ยงที่มีศักยภาพและเสนอโอกาสให้ทั้งพี่เลี้ยงและพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
นอกเหนือจากนี้ องค์กรควรจะฝึกหัดและสนับสนุนระบบพี่เลี้ยง มีการฝึกอบรม
และมีการให้คำแนะนำต่อพี่เลี้ยงและพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
ปัจจัยที่ทำให้ระบบพี่เลี้ยงล้มเหลว
ขาดความผูกพันและขาดการให้คำปรึกษา
เมื่อพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
ไม่มีความกระตือรือร้นในการมีส่วนร่วมกับการวางแผนและการปฏิบัติหรือการนำไปประยุกต์ใช้ระบบพี่เลี้ยง
ระบบพี่เลี้ยงจะล้มเหลว โดยเฉพาะเมื่อจะมีการจัดการเพียงฝ่ายเดีย
ขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
การสื่อสารเป็นทักษะที่มีความสำคัญมากที่สุดในการทำให้ระบบพี่เลี้ยงดำเนินไปด้วยดี
กลยุทธ์ในการทำให้ระบบพี่เลี้ยงเป็นไปด้วยดีจะต้องมีการติดต่อสื่อสารทั่วทั้งองค์กร
การขาดการติดต่อสื่อสาร การขาดการแลกเปลี่ยนความรู้
การตอบสนองต่อกลยุทธ์ของระบบพี่เลี้ยง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ระบบพี่เลี้ยงล้มเหลว
ขาดการฝึกอบรมที่ไม่เพียงพอ การขาดการฝึกอบรม
การฝึกอบรมที่ไม่เพียงพอ และการขาดการสนับสนุนอื่นๆ
ที่จะทำให้ระบบพี่เลี้ยงดำเนินไปได้
มีการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
ระบบพี่เลี้ยงต้องการการเปลี่ยนแปลงในการบริหาร ผู้บริหารจำนวนมาก
มักจะยังคงต่อต้านโปรแกรมของระบบพี่เลี้ยง
ผู้บริหารเหล่านี้รู้สึกว่าถูกยกเลิกอำนาจถ้ามีการใช้ระบบพี่เลี้ยง
คัดเลือกพี่เลี้ยงที่ไม่เหมาะสม
หลายบริษัทเลือกพี่เลี้ยงผิด
โดยคิดว่าพนักงานที่มีประสบการณ์มากจะเป็นพี่เลี้ยงที่ดีที่สุด
พี่เลี้ยงควรเป็นผู้ที่คนที่มีทักษะ มีวิสัยทัศน์ที่ดีในองค์กร ในทุกฝ่ายงาน
และในทุกฟังก์ชั่นการทำงาน
แยกโครงการพี่เลี้ยงออกมาจากการพัฒนาบุคลากร
ไม่เป็นการดีที่จะบูรณาการเข้ากับการพัฒนาบุคลากรของฝ่ายบุคคล
โครงการของระบบพี่เลี้ยงควรถูกจับแยกออกมา
เพื่อจะได้สร้างหรือริเริ่มโดยผู้บริหารผู้มองเห็นผลประโยชน์ของระบบพี่เลี้ยง
ปัจจัยที่ทำให้ระบบพี่เลี้ยงประสบผลสำเร็จ
การยอมรับในองค์กร ต้องมีการทำความเข้าใจกันอย่างชัดเจนว่า
โครงการพี่เลี้ยงเป็นสิ่งที่ต้องการในองค์กร
ผลประโยชน์ของโครงการพี่เลี้ยงควรจะได้รับการเสนอเป็นจุดเด่น
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการมีส่วนร่วมของผู้บริหารระดับอาวุโส
เพราะไม่เพียงแต่เรื่องเงินทุนสนับสนุน แต่ยังสามารถที่จะแสดงให้องค์กรเห็นว่า จะทำให้เกิดผลประโยชน์
ในการพัฒนาทางอาชีพของคนในองค์กรอีกด้วย
คุณลักษณะของพี่เลี้ยงที่เหมาะสม
การตัดสินว่าใครจะมีความเหมาะสมในการทำหน้าที่พี่เลี้ยง
ผู้บริหารควรจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการมีส่วนร่วมในกำหนดคุณลักษณะความเป็นพี่เลี้ยงและประเมินความสำเร็จของบทบาทและหน้าที่ของพี่เลี้ยง
การจับคู่ได้อย่างเหมาะสม
การจับคู่ระหว่างพี่เลี้ยงและพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงานนี้มีความสำคัญ
บางครั้งพี่เลี้ยงที่สามารถให้คำปรึกษาได้ควรมีประสบการณ์ในเรื่องที่อยู่ในความสนใจของพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
สิ่งหนึ่งที่ต้องตระหนักถึงก็คือความขัดแย้งเป็นการส่วนตัว
การฝึกอบรมกลุ่มพี่เลี้ยง
การฝึกอบรมพี่เลี้ยงสามารถเพิ่มโอกาสของความสำเร็จได้ถึง 40% แต่อย่างไรก็ตามทุกบทบาทควรได้รับการฝึกเพื่อให้เข้าใจถึงความเคลื่อนไหว
ของระบบพี่เลี้ยงและบทบาท ความรับผิดชอบของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
การสื่อสาร การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญของระบบพี่เลี้ยง
การขาดการสื่อสาร การขาดการแลกเปลี่ยนความรู้
และการขาดการตอบสนองเกี่ยวกับกลยุทธ์ของความเป็นพี่เลี้ยงเป็นสาเหตุสำคัญของความล้มเหลวในระบบพี่เลี้ยง
การยอมรับในความหลากหลาย
เป็นลักษณะสำคัญของความสำเร็จของระบบพี่เลี้ยง หมายความว่า
พี่เลี้ยงต้องทราบว่าวิธีใด/เรื่องใดที่จะส่งผลกระทบถึงภูมิหลังของความสัมพันธ์ระหว่างพี่เลี้ยงและพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
นอกจากนี้ พี่เลี้ยงต้องเข้าใจในภูมิหลังของพนักงานใหม่/พนักงานที่ได้รับการสอนงาน
การติดตามและการประเมินผล เช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ
ที่ต้องมีการติดตามและประเมินผลเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์
ที่มา : http://stks.or.th
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น